Posted on by Team Girlsnation

ลดความเร็ว (pace) ลง หลายคนออกตัวแรงวิ่งด้วยความเร็วเพราะยังมีแรงมากและพยายามเร่ง Pace ให้ได้สูงๆ แต่ตอนท้ายๆ กลับหมดแรง บางคนไปไม่ถึงเป้าหมาย ลองลดความเร็วลงให้อยู่ในระดับที่สามารถพูดคุยกับคนข้างๆ ได้และวิ่งไปเรื่อยๆ ดีกว่า

ค่อยๆ เพิ่มระยะ เชื่อว่าทุกคนคงมีเป้าหมายระยะวิ่งในใจ บางคนทำได้ แต่บางคนตั้งเป้าสูงเกินความสามารถของร่างกายตัวเองเกินไป เมื่อวิ่งได้ไม่ถึงก็ทำให้เสียกำลังใจ แนะนำว่างลองวิ่งในระยะที่ร่างกายเราไหว แล้วค่อยๆ เพิ่มไปดีกว่า สำหรับมือใหม่อาจจะเพิ่มแค่สัปดาห์ละ 1-2 กม.

เลือกวันใดวันนึงในสัปดาห์มาทำระยะใหม่ บางครั้งสถานการณ์อาจไม่เหมาะสมให้วิ่งเยอะๆ หรือ pace เร็วๆ ตลอดเวลา บางวันติดงานเลิกดึก มืดเร็ว หรือร่างกายไม่พร้อม แนะนำให้ลองเลือกวันหยุดสักวันมาสร้างระยะใหม่ให้ร่างกาย refresh แบบไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องเร่งเวลาและความเร็ว 

วิ่งสลับเดิน ช่วยให้ร่างกายทำระยะได้ไกลขึ้นและร่างกายปรับตัว สู่การวิ่งระยะที่เพิ่มขึ้นได้ดีอีกด้วย ลองวิ่ง 5 นาที สลับเดิน 1 นาทีดูค่ะ

เติมพลังงาน สำหรับการวิ่งระยะไกลๆ 1-2 ชม.ขึ้นไป ควรรับประทานเพื่อเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายหลังผ่านไปแล้วสัก 30 นาที โดยเลือกอาหารที่เหมาะกับร่างกายเรา เช่น กล้วย แตงโม น้ำหวาน และควรจิบน้ำทุก 15-20 นาที

แบ่งการวิ่งเป็นระยะสั้นๆ ใช้หลักจิตวิทยาเข้าช่วยเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าระยะทางนั้นไกลเกินไป เช่น การวิ่ง 20 กม. อาจจะแบ่งเป็น 5 กม. 4 ช่วง

วิ่งบนเส้นทางแบบวงกลม หรือวิ่งบนลู่ วิ่งแบบวงกลมเป็น loop เช่นในสวนสาธารณะ ให้หาจุดสังเกต เช่นหลักกิโลเมตร หรือห้องน้ำ เมื่อผ่านไปแต่ละรอบเราจะรู้สึกทำสำเร็จและมีกำลังใจ หรือการวิ่งบนลู่วิ่งที่มีหน้าจอบอกระยะทางจะช่วยให้เราทราบว่าวิ่งไปได้กี่กม.แล้ว 

หัวใจคือสิ่งสำคัญ​ การวิ่งก็นับว่ายากแล้ว แต่การอยากเพิ่มระยะทางให้ได้ไกลขึ้นนั้นต้องอาศัยการฝึกซ้อมและการอดทนอดกลั้น ผ่านความเหนื่อย ความเจ็บปวด สิ่งสำคัญคือหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของผู้วิ่งนั่นเองค่ะ